ป่าชายเลนคลองโคลน สมุทรสงคราม

หอบลูกเที่ยวป่าชายเลน นั่งเรือไปเลี้ยงกล้วยเจ้าลิงแสมริมป่าโกงกาง ลุยโคลนครึ่งแข้งไปปักกล้าไม้เพื่อให้โตเป็นป่าใหญ่ในวันหน้า ชวนกันถีบกระดานไปตามขี้เลนงมหาหอยแครง ล้างเนื้อลางตัวแล้วนั่งรับลมเย็นทานข้าวกลางวันบนกระเตง-กระต๊อบเฝ้าหอยแครงที่ปลูกอยู่กลางน้ำ

ด้วยระยะทางเพียงชั่วโมงเศษจากกรุงเทพฯ ก็ถึงสมุทรสาคร เราจึงไม่ต้องรีบออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ กะเอาว่ามาถึงพอดีเวลาทานอาหารกลางวันที่ดอนหอยหลอด ร้านอาหารที่หนังสือนำเที่ยวแนะนำเรียงติดๆ กันหลายร้าน เยอะเสียจนต้องหลับตาชี้สุ่มมาสักร้านหนึ่ง เราเลือกร้าน ?คุ้นลิ้น? เพราะใครสักคนเคยมา แล้วก็อร่อยลิ้นจริงๆ เสียด้วย เด็กๆ ชอบตรงที่ได้วิ่งไปศาลาชะโงกดูวิวของแผ่นดินเลนกว้างสุดตา จังหวะน้ำลดพอดีเลยเห็นปูลมนับร้อยนับพันวิ่งกันจ้าละหวั่น

หลังอิ่มท้อง เราเข้าตัวเมืองแม่กลองเพื่อไหว้พระพุทธรูปหลวงพ่อบ้านแหลมที่วัดเพชรสมุทรวรวิหาร วัดนี้เป็นวัดโบราณอายุกว่า 500 ปี เดิมชื่อว่า ?วัดศรีจำปา? ตามประวัติเล่าว่า ชาวบ้านแหลมจากเพชรบุรีหนีภัยรุกรานจากพม่า อพยพมาตั้งถิ่นฐานในแถบนี้ และได้บูรณะวัดศรีจำปาพร้อมตั้งชื่อเสียใหม่ว่า วัดบ้านแหลม ต่อมากรมศิลปากรได้นำอุโบสถวัดบ้านแหลมเข้าบัญชีเป็นโบราณสถานแห่งชาติ ทรงโปรดเกล้าฯ ยกฐานะวัดบ้านแหลมเป็นพระอารามหลวง และพระราชทานนามว่า “วัดเพชรสมุทรวรวิหาร

ตกเย็นเก็บข้าวเก็บของกันที่ ?บ้านไม้ชายเลน? และอิ่มหมีพีมันกับน้ำพริกปลาทูเรียบร้อยแล้ว รวมพลกันแล้วขับรถไปที่ ?บ้านหิ่งห้อย? เดินเข้าสวนมะพร้าวมืดตึ๊ดตื๋อเพื่อเข้าไปดูโรงเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวกลางสวน ระหว่างทางเดินไปก็ต้องคอยชะเง้อมองหาแสงไฟกระพริบดวงเล็กดวงน้อยของหิ่งห้อยไปด้วย ล้อมวงดูคุณตาตัวผอมแห้งแต่แรงไม่น้อยเลย แกออกแรงกวนน้ำตาลสดที่เดือดพล่านจนมันข้นหนืด หนุ่มๆ ในโรงน้ำตาลก็หุ่นผอมเพรียวอย่างนี้ทุกคน เพราะแต่ละคืนต้องออกแรงกวนน้ำตาลแล้วหยอดเป็นก้อนๆ ให้ได้ราว 40-50 กิโลกรัม

รุ่งเช้า เราลงเรือหางยาวกัน 3-4 ลำลัดเลาะไปตามลำคลอง ผ่านบ้านริมน้ำจนถึงปากอ่าว มองเห็นทุ่งขึ้เลนสีเทายาวเหยียด ตรงนั้นเป็นฟาร์มหอยแครง ส่วนบริเวณชายป่ามีรากไม้ยื่นกางโก่งไปโก่งมา มีฝูงลิงแสมวิ่งตามเรือกันสลอนเหมือนรู้ว่าคนขับเรือต้องมีกล้วยติดมือมา พอเด็กๆ โยนกล้วยตกลงจมเลนมันก็คว้าแล้วเอาไปจุ่มล้างน้ำก่อนกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย

หนีห่างมาจากพวกลิงแล้ว คนขับพาเข้าไปยังบริเวณสำหรับปลูกต้นแสม ต้นลำพู เด็กๆ ได้รับแจกกล้ากันคนละต้นสองต้นแล้วลุยกันลงไปในเลน เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว สมเด็จพระเทพฯ ก็เสด็จมาปักต้นกล้าไม่กี่ต้นอย่างนี้ จนเดี๋ยวนี้กลายเป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ไปแล้ว บริเวณนี้ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินพอสมควรเพราะเลนทั้งหนืดทั้งลื่น ไม่ทันไร ป้าเต้ยแม่แตงกวาก็ลื่นผัวะ…ไหล่หลุด (ข้างเดิมที่เคยหลุดอยู่แล้ว) ต้องนั่งเรือหางยาวไปหาหมอ

เรือมาจอดนิ่งกลางฟาร์มหอย คนขับคว้ากระดานไม้ใต้ที่นั่งออกมาแล้วพาเด็กๆ นั่ง ที่จริงคนนั่งต้องออกแรงถีบตัวเองไปข้างหน้า แต่เห็นเด็กอนุบาลอ้อนวอนตาละห้อยกันอย่างนี้ พี่คนเรือเลยยอมเข็นไปมาหลายเที่ยวจนหมดแรง ก็กระดานนึงเล่นนั่งกันสองคนนิ?พอเลิกถีบกระดานก็นั่งเรือมายังกระเตงกลางน้ำ เดือนร้อนพี่คนเรืออีก คือต้องอุ้มเจ้าเปี๊ยกพวกนี้ขึ้นบ่าแล้วปีนบันไดไปส่งให้บนกระเตง เพราะขั้นบันไดมันห่างเกินกำลัง บนกระเตงมีห้องน้ำให้อาบน้ำล้างโคลนเปลี่ยนเสื้อผ้าแห้ง แล้วมานั่งล้อมวงกินหอยแครงเผา กุ้งเผา ลมโชยเย็นๆ ชวนงีบเสียนี่กระไร

กลับถึงบ้านแล้วตั้งคำถามเด็กๆ ดูว่า ?มีอะไรที่ป่าชายเลน?
คำตอบคือ
มีลิง มีหอย มีปู
จริงสินะ…ที่ไหนมีป่า ที่นั่นย่อมมีชีวิต

ข้อมูลท่องเที่ยว

Print

บ้านไม้ชายเลน
บริหารงานโดยคุณมนัส แพทย์จะเกร็ง รองนายกอบต.คลองโคลน
โทรศัพท์. 089-919-5443
www.baanmaichailane.com

ร้านอาหารคุ้นลิน
โทรศัพท์. 034-714-348, 089-837-4824
อาหารแนะนำ ปูนิ่มทอดกระเทียม, ปลาสำลีแดดเดียว, ปลาทูแม่กลอง, น้ำพริกไข่ปู