บ้านสวนออนซอน ฉะเชิงเทรา

บ้านสวนออนซอน ฉะเชิงเทรา

ย่างเข้าเดือนหกหยาดฝนก็เริ่มโปรยปรายมาบ้างแล้ว เป็นสัญญาณว่าฤดูทำนาของเกษตรกรได้เริ่มขึ้น แม้ฝนจะขาดช่วง น้ำจะแห้งขอดกว่าทุกปี แต่ชาวบ้านก็ยังหวังว่าปีนี้จะพอได้ข้าวติดยุ้งเป็นเสบียงไปถึงปีหน้า กิจกรรมเรียนรู้นอกห้องเรียนภาคปฏิบัติ เราพาเด็กๆ ไปทำนาร่วมกับโครงการบ้านขวัญเอย บ้านแห่งการเรียนรู้ ศิลปะแห่งชีวิต รู้จักนาโยนที่บ้านสวนออนซอนของลุงเลี่ยม บุตรจันทรา ปราชญ์ชาวบ้านแห่งเมืองฉะเชิงเทรา

จากกรุงเทพใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เราไปถึงบ้านลุงเลี่ยมราวเที่ยงวัน ที่นั่นเราได้พบกับครอบครัวที่รักธรรมชาติอีกประมาณ 12 ครอบครัว ลุงเลี่ยมแนะนำให้รู้จักกับชาวบ้านที่เราจะค้างคืนด้วยในหมู่บ้าน หลังจากนำสัมภาระไปเก็บแล้วก็เริ่มทำความคุ้นเคยกับวิถีชีวิตชาวบ้านที่เราไปร่วมอาศัยอยู่?ก่อนเริ่มกิจกรรม พวกเรามารวมตัวกันเพื่อประชุมและแนะนำตัว ลุงเลี่ยมเล่าประวัติชีวิตของลุงให้ฟัง นับเป็นบทเรียนชีวิตที่ล้ำค่าที่สุดสำหรับการเปลี่ยนตัวเองที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว จนได้มาพบกับผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม ผู้ที่สอนลุงเลี่ยมให้รู้จักกับวิถีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง และการทำบัญชีครัวเรือน นอกจากนี้ยังมีป้าตุ๋ยคู่ชีวิตที่ช่วยเป็นกำลังใจพลิกฟื้นชีวิตให้กลับมามั่นคงได้อีกครั้ง จนเป็นเกษตรกรตัวอย่างของประเทศไทย

ในช่วงบ่าย ลุงเลี่ยมให้พวกเราทำความคุ้นเคยกับสวนออนซอนด้วยการทำน้ำตาลอ้อยแดง ซึ่งมาจากการปลูกอ้อยแบบเกษตรอินทรีย์ เด็กๆ ได้เริ่มกระบวนการตั้งแต่การล้างอ้อย หีบอ้อย จนถึงกระบวนการเคี่ยวน้ำอ้อยจนเป็นน้ำตาลอ้อยแดงแสนอร่อยและดีต่อสุขภาพ?ช่วงเย็นเราไปเล่นในนาซึ่งเตรียมไว้สำหรับสำหรับทำกิจกรรมนาโยน ได้ทำความคุ้นเคยกับดิน สังเกตสิ่งมีชีวิตเล็กๆ บริเวณพื้นนา ได้เห็นปู หอย และลูกปลาเล็กๆ ตามคูน้ำข้างคันนา เห็นความผูกพันระหว่างชาวนากับควายที่อยู่ในบริเวณนั้น ได้ฟังชาวบ้านที่เราขออาศัยอยู่ด้วยเล่าเรื่องราวของชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติ เรียนรู้เกี่ยวกับดินฟ้าอากาศและการเพาะปลูกสิ่งต่างๆ ในไร่นาของตน ตลอดจนได้สังเกตถึงสมุนไพรที่ใช้รักษาตัวเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่สั่งสมมา?ส่วนกิจกรรมภาคค่ำ เด็กๆ สร้างตัวหุ่นละครเงา ส่วนผู้ใหญ่มาร่วมวงสุนทรียสนทนา แบ่งปันประสบการณ์การเลี้ยงลูก ฟังการใช้ชีวิตของครอบครัวลุงเลี่ยม ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจทำให้พวกเราเข้มแข็งและอดทน พร้อมสร้างสังคมที่ดีให้กับคนรุ่นต่อไป

เช้าวันรุ่งขึ้นก็ถึงช่วงเวลาที่สำคัญ คือการย่ำโคลนทำนาโดยใช้วิธีโยนต้นกล้าที่เพาะจากก้อนดินเหนียวเล็กๆ เมื่อโยนลงไปในนา น้ำหนักของดินจะทำให้รากปักลงไปในพื้นนาเป็นอย่างดี สำหรับเด็กๆ แล้วดูเหมือนการเล่นปาลูกดอกหรือนินจาดาวกระจาย ในขณะที่เราย่ำลงไปในนาจะได้กลิ่นหอมของดิน สัมผัสได้ถึงผืนดินที่โอบอุ้มอุ้งเท้าของเรา ทั้งเย็นและอ่อนโยนเหมือนพลังชีวิตที่โอบอุ้มเราไว้ ทำให้จิตใจสงบและไว้ใจในธรรมชาติที่เราไม่ได้ตระหนักถึงมาก่อน

ยามบ่ายหลังอาหารกลางวัน เรากลับมาล้อมวงสนทนาอีกครั้งหลังเสร็จกิจโยนข้าวในนา ลุงเลี่ยมมาพูดคุยแบ่งปันเกี่ยวกับเรื่องการศึกษา ลุงบอกว่าการศึกษาภายในครอบครัวสำคัญไม่แพ้ระบบการศึกษาในโรงเรียน ลูกๆ ของลุงตอนเล็กๆ ก็ช่วยงานในครัวและงานบ้านมากเท่าที่จะทำได้ เมื่อโตขึ้นก็ให้ช่วยงานหนักสำหรับผู้ใหญ่ เมื่อใดมีวิทยากรมาให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ ลุงก็จะนำลูกๆ ไปด้วยทุกครั้งเท่าที่จะทำได้ ให้เด็กๆ เห็นถึงความสำคัญในการเรียนรู้จากชีวิตจริงของงานในครอบครัว เมื่อเด็กๆ โตขึ้นจะมีเจตจำนงในการดำเนินชีวิตที่ชัดเจน ซึ่งเป็นตัวอย่างอันล้ำค่าให้พวกเราที่ได้มาสัมผัสชีวิตครอบครัวของลุงเลี่ยมในครั้งนี้

เวลาช่างผ่านไปรวดเร็ว ช่วงเย็นก่อนกลับเข้าเมือง พวกเราไปบอกลาต้นข้าว รู้สึกขอบคุณชีวิตน้อยๆ เหล่านี้ที่จะเติบโตขึ้นเพื่อแบ่งปันพลังชีวิตของพวกเขาเพื่อเป็นอาหารของพวกเรา วิถีชีวิตของชาวนาในช่วงเวลาสั้นๆ นี้จะเป็นบทเรียนอันล้ำค่าให้กับการใช้ชีวิตของครอบครัวเราต่อไป

ข้อมูลติดต่อ

บ้านสวนออนซอน
411 ม.16 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต ฉะเชิงเทรา
โทรศัพท์ 08-4711-6099