หอบลูกเที่ยวเกาหลี 5วัน 4คืน นอนสกีรีสอร์ท เช่ารถบัสใหญ่ไปเองแบบ Big Family

หอบลูกเที่ยวเกาหลี 5วัน 4คืน นอนสกีรีสอร์ท เช่ารถบัสใหญ่ไปเองแบบ Big Family เหมาะสำหรับพาอากง อาม่า ลุง ป้า น้า อา และลูกๆ หลานๆ ไปสังสรรค์พร้อมหน้า โปรแกรมไม่เร่งทำเวลาแบบชะโงกทัวร์ แถมคิดเผื่ออากงอาม่าอย่างดีแล้วว่าเดินมากๆ ไม่ไหว ต้องหาที่นั่งรอเป็นระยะ หรือว่าใครเหนื่อยก็กลับมานอนพักที่โรงแรมก่อน คนที่ยังมีแรงก็ตะลุยช้อปปิ้งกันต่อไป

 

Korea Day 1

  • เดินทางจากกรุงเทพถึงสนามบินอินชอนช่วงเช้า (อันนี้เลือกสายการบินแล้วแต่โปร ครอบครัวเรากระจายสมาชิกกันไป 2 ไฟล์ท คือ Korean Air กับ Air Asia เครื่องลงถึงเกาหลีประมาณ 8 โมงกับ 10 โมง ห่างกัน 2 ชั่วโมง คนมาถึงก่อนก็ล้างหน้าล้างตาหากาแฟโดนัทกินรอไปไม่นานเท่าไหร่)
  • 11.00 น. รถบัสของบริษัท Grace Travel ที่จองไว้จะมารอรับที่ประตู 1C ซึ่งเป็นลานจอดรถบัส เขาจะจอดรอรับผู้โดยสารได้ไม่เกิน 15 นาที ฉะนั้น ตอนทำใบจองก็เผื่อเวลานัดหลังล้อแตะพื้นไว้สักชั่วโมงนึงเลย สมาชิกเยอะก็ใช้เวลาแยะหน่อยค่ะ  สำหรับบริษัทรถบัสนี้ เราเคยจองโดยติดต่อผ่านอีเมลมา 2 ทริปแล้ว ครั้งแรกจองแบบนั่งรถ ski shuttle รวมไปกับคนอื่นเพราะมากันแค่ 4 คน ส่วนครั้งนี้เราจองรถบัสส่วนตัวสำหรับสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด 13 คน (รถขนาด 18 ที่นั่งไม่รวมคนขับและที่นั่งไกด์ + เก้าอี้พับกางออกมาตรงทางเดินได้อีก 4 ที่นั่ง  เรามีกระเป๋าเดินทางรวมกันประมาณ 11 ใบทั้งใหญ่กลางเล็ก ทำให้เสียที่นั่งไป 3 ที่บริเวณด้านหลังเก้าอี้คนขับ ) ข้อดีของการเหมารถคือกำหนดเวลาเดินทางและโปรแกรมได้ตามใจ รถมารับตรงตามเวลานัดเป๊ะ ไม่ต้องกลัวเบี้ยว พี่คนขับเป็นคนเดิมทุกวัน ให้ทิปในวันสุดท้ายทีเดียวได้เลย ถ้าสมาชิก Big Family มีมากกว่านี้ เขาก็มีรถบัสขนาด 45 ที่นั่งบริการค่ะ เข้าไปดูราคาในเว็บ นะคะ ระหว่างทางรถจะจอดแวะ rest area ให้เข้าห้องน้ำครั้งนึง แต่ห้ามซื้อขนมขึ้นมาทานบนรถนะ โดนดุไม่รู้ด้วย
หน้าตารถบัสขนาด 18 ที่นั่ง

 

 

 

ใช้พื้นที่ของเก้าอี้แถวหน้าวางกระเป๋าสัมภาระ 11-12 ใบ

 

  • 14.30 น. ถึงจุดหมายหลังจากนั่งสบายๆ ในรถเปิดฮีตเตอร์อุ่นๆ มา 3 ชั่วโมงครึ่ง จังหวัด Pyeongchang (พย็องชัง) มีสกีรีสอร์ทยอดนิยมอยู่ 3 แห่ง คือ YongPyong Resort (ยงพยองรีสอร์ท) และ Alpensia Ski Resort สองแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างกัน 5 นาที ส่วน Pheonix Park ยังไม่เคยไปเลยไม่ได้เล่าถึงนะคะ
    ก่อนหน้านี้เราเคยมาพักกัน 4 คนพ่อแม่ลูกที่ YongPyong Resort ส่วนทริปบิ๊กแฟมิลี่ 13 คนนี้เราเปลี่ยนมาลองที่ Alpensia โดยรวมแล้วดีคนละอย่าง ก็เลยจะลงรูปเปรียบเทียบให้ตัดสินใจเลือกกันเอง ส่วนจังหวัดอื่นๆ ที่เดินทางใกล้กว่านี้ก็มีสกีรีสอร์ทเหมือนกัน แต่คิดไปเองว่ายิ่งไกลยิ่งสูงยิ่งสวย เลยบากบั่นนั่งรถไป 3 ชั่วโมงกว่านี่แหละค่ะ (แล้วก็สวยสมใจจริงๆ จนต้องกลับมาอีก)

YongPyong Resort:

ข้อเด่น: มีลู่สกี 28 สโลป และกระเช้าลิฟท์เคเบิ้ล 14 จุด ในจำนวนนี้แบ่งเป็นสโลประดับง่ายมากสำหรับผู้หัดเล่น 4 สโลป (ยาว 350-500 เมตร)  และสโลประดับง่ายมากถึงปานกลาง 2 สโลป (ยาว650-700 เมตร) มีสโลปสำหรับเล่น sled ยาว 180 เมตร ลานสกีแห่งนี้ใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันระดับโลกมาแล้วหลายครั้ง สำหรับอากงอาม่าและคนไม่เล่นสกี ก็มีกิจกรรมระหว่างรอคือนั่งกระเช้ากอนโดล่าไปชมวิวเหนือยอดเขาหิมะระยะทาง 7.4 กม.

ข้อด้อย: ลานสกีอยู่ห่างจาก Tower Condominium ประมาณ 200 เมตร  และนอกจากกระเช้า Gondola ชมวิวแล้ว บรรยากาศรอบๆ โรงแรมค่อยมีอะไรให้ทำ คนเยอะโดยเฉพาะช่วงวันหยุดเทศกาล

YongPyong Resort

ที่พักมีให้เลือกหลายแบบ Dragon Valley Hotel เป็นโรงแรมสไตล์ตะวันตก มีทั้งห้อง Double, Triple และ Family  (ควรเลือกโรงแรมนี้ให้อากงอาม่าเพราะมีเตียง) ส่วน Condominium มี 3 อาคารคือ Tower, Villa และ Greenpia ทั้ง 3 อาคารเหมาะสำหรับประสบการณ์นอนแบบเกาหลี คือเป็นห้องออนดอล (Ondol) สำหรับ 4 คน ไม่มีเตียง มีแต่ที่นอนปูบนพื้นซึ่งใต้พื้นมีฮีตเตอร์ทำความร้อนอยู่ข้างใต้ ในห้องจะมีโซฟา โต๊ะอาหาร ตู้เย็น ไมโครเวฟและจานชามไว้ให้ด้วย ชั้นล่างของโรงแรมทั้งสองแห่งมีร้านอาหารและมินิมาร์ท มีห้องคาราโอเกะ โบว์ลิ่งและเกมอาเขต เราเลือกพักที่ Tower Condominium ค่ะ เพราะราคาดีที่สุดและเหลือห้องว่างมากกว่าในขณะที่ห้องแบบอื่นๆ จะเต็มหมดแล้ว
เช็คราคาและจองโรงแรมได้ที่ http://packagekorea.com/

YongPyong Resort

 

YongPyong Resort
ห้องออนดอล YongPyong Resort

Alpensia Resort:

ข้อเด่น: บรรยากาศรอบๆ โรงแรมน่าเดินเล่น เหมือนอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งมีร้านอาหารหลายร้านให้เลือก รวมถึงร้านขายอุปกรณ์สกี และมินิมาร์ท ลานสกีอยู่ติดโรงแรม เปิดหน้าต่างออกมาก็เห็นเลย (ต้องจองห้องแบบ slope view) คนไม่เยอะมาก

ข้อด้อย: มีลู่สกีแค่ 6 สโลปเท่านั้น (เอาเข้าจริงเราก็กล้าเล่น Beginner อยู่สโลปเดียวนั่นแหละ) สโลปเล่น sled ค่อนข้างสั้น

โรงแรมมีให้เลือก 3 แห่งคือ Inter Continental Resort ระดับ 5 ดาว (หรูมาก ขอผ่านค่ะ), Holiday Inn Hotel & Suites หรูรองลงมา ลักษณะห้องจะเป็นแบบ 2 ห้องนอน + 1 ห้องนั่งเล่นและรับประทานอาหาร พักได้ 4 คน ห้องนอนมีให้เลือกทั้งแบบเป็นเตียงห้องนึงและนอนฟูกแบบondolอีกห้อง หรือจะเป็น ondol ทั้ง 2 ห้อง ส่วนโรงแรมสุดท้ายราคาย่อมเยาที่สุด Holiday Inn Resort มีให้เลือกทั้งห้องเตียง twin หรือห้อง ondol สำหรับ 3-4 คน แน่นอนว่าเราเลือกพักที่นี่ เพื่อให้อากงอาม่านอนเตียงสบายๆ แถมเลือกเป็นห้อง slope view ให้ยืนดูหลานๆ เล่นสกีจากหน้าต่างห้องนอนโดยไม่ต้องออกมายืนสู้ความหนาว ส่วนบ้านที่มีเด็กเลือกห้อง ondol เกลือกกลิ้งกันบนฟูกนุ่มๆ อย่างมีความสุข จองตรงกับทางเว็บ Holiday Inn ได้เลยนะคะ แต่แนะนำว่าจองโดยคลิกปุ่ม Virtual Assistant ในหน้าเว็บ และพิมพ์ข้อความโต้ตอบโดยตรง เพื่อสมัครสมาชิกให้ได้ราคาพิเศษ และจองห้องแบบไม่รวมอาหารเช้าก็จะประหยัดลงไปอีก (เดี๋ยวซื้อที่มินิมาร์ทเอาเนอะ)

ช่วงเย็นของวันแรกนี้พักผ่อนก่อนนะคะ อย่าเพิ่งรีบเช่าชุดเล่นสกี เพราะสกีแบ่งเป็นรอบๆ คือรอบเช้า รอบบ่าย และรอบกลางคืน ถ้าเช่าชุดและอุปกรณ์แบบเต็มวันจะถูกกว่าเช่ารอบใดรอบหนึ่งเท่านั้น ถ้าเด็กๆ อดใจไม่ไหวจริงๆ ซื้อตั๋วเล่น sled แบบรอบเดียวก่อนก็ได้
**ครอบครัวที่ต้องการเรียนสกี ควรเดินไปจองรอบสกีสำหรับเช้าพรุ่งนี้ไว้ก่อนเลย**

Beginner Slope ที่ Alpensia

 

ห้องแบบ Ondol ฟูกเก็บอยู่ในตู้ ต้องลากออกมาปูเอง

 

ลานพลาซ่ากลางหมู่บ้าน

Korea Day 2

ยกให้เป็นวันถ่ายรูป หัดเล่นสกี เล่นsled เต็มวันเลยค่ะ ไปเที่ยวกับบริษัททัวร์ไม่ได้ใช้เวลาแบบนี้แน่ๆ แต่แนะนำว่าควรเก็บของและเช็คเอ้าท์ไว้ให้เรียบร้อยก่อนออกไปเล่น โดยฝากกระเป๋าไว้ที่ฟร้อนท์ เพราะโรงแรมกำหนดเวลาเช็คเอ้าท์คือเที่ยง
ที่ Alpensia Resort สกีรอบเช้า  8.30 – 12.30 น. / รอบบ่าย 12.30 – 16.30 น. / รอบดึก 18.30 – 22.30 น.
เช่าชุดเล่นสกีและอุปกรณ์แบบเช้าถึงบ่ายจะถูกกว่าเช่าแยกทีละรอบ
สำหรับคนที่เพิ่งหัดเล่น ยังไม่ต้องซื้อตั๋ว Lift Pass นะคะ เดินขึ้นเนินเองแล้วหัดสกีลงมาไม่ต้องใช้ตั๋ว ตั๋วใช้สำหรับขึ้นกระเช้าเท่านั้น เมื่อล็อกตั๋วเข้ากับแจ็กเก็ตแล้วจะปลดตั๋วออกให้คนอื่นสลับใช้ไม่ได้
คลาสเรียนสกีมีแบบ 2 ชั่วโมงและ 4 ชั่วโมง ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนคนในกลุ่ม แนะนำว่าลงเรียน 2 ชั่วโมงตอนเช้าเท่านั้น ตอนบ่ายเล่นเอง เพราะเย็นนี้รถบัสจะมารับกลับตอนสี่โมงครึ่ง ถ้าลงเรียนด้วยจะไม่ทันค่ะ เด็กๆ เขาเรียนรู้เร็วกว่าผู้ใหญ่เยอะ  จบชั่วโมงเรียน 2 ชั่วโมงนั้นแล้วเล่นเป็นกันหมด ยกเว้นผู้ใหญ่ค่ะ ยังล้มลุกคลุกคลานกันอยู่เลย
ตอนกลางวันมี food court ข้างๆ ลานสกี เอาอุปกรณ์พิงไว้ด้านนอกแล้วเดินเข้าไปซื้ออาหารทานได้เลย ได้อุด้งร้อนๆ หรือข้าวหน้าเนื้อเกาหลีคนละชามก็มีแรงออกมาเล่นกันต่อรอบบ่าย

**อย่าลืมแสดงคีย์การ์ดว่าพักที่ Holiday Inn เพื่อใช้เป็นส่วนลด 20% สำหรับค่าเช่าอุปกรณ์และตั๋วขึ้นกระเช้า**

 

 

หัดเรียนตอนแรก มันก็จะกลัวๆ หน่อย

 

ทรงตัวเริ่มคล่องแล้วถึงจะใช้ไม้สกีช่วย

 

 

ลานเฉพาะเรียนสกีเท่านั้น มีตาข่ายกั้นสำหรับคนที่สกีลงเนินแล้วหยุดไม่ได้ หลังจากพุ่งใส่เต็มๆ ไปครั้งนึง พ่อแก้วลงความเห็นว่า ตาข่ายยืดหยุ่นและปลอดภัยดีมาก

 

 

 

มั่นใจแล้ว ขึ้นกระเช้ากันเหอะเด็กๆ

 

Kamo GoPro

 

ลงจากกระเช้าแล้วยืนตั้งหลักนิดนึง ตอนลงจากยอดเนินมันจะมีโค้งเล็กๆ ด้วยนะ เอ้า…พร้อมยัง 3..2..1..GO!

 

  • 16.30 – 19.30 น. รถบัสคันเดิมมารับหน้าโรงแรม เดินทางกลับสู่ตัวเมืองโซลใช้เวลาประมาณ 3 ชม.
    เช็คอินที่โรงแรม Sky Park Myeong-don III ในย่านเมียงดง ที่แนะนำเป็นโรงแรมนี้เพราะอยู่ติดถนนใหญ่ รถบัสจอดหน้าโรงแรมแล้วลากกระเป๋าเดินเข้าประตูได้เลย แถมมีสถานีรถไฟใต้ดินและ 7-11 อยู่ด้วย ถ้าเป็นโรงแรมอื่นๆ ในเมียงดง รถบัสจะเข้าไม่ได้เพราะซอยแคบ ห้องพักมีให้เลือกแบบ 2-3-4 คน เราพักที่นี่ตลอด 3 คืนที่เหลือไม่ต้องย้ายไปไหนแล้วค่ะ เดินออกไปด้านหลังโรงแรมคือเมียงดง ย่านกิน ดื่ม ช้อป คล้ายๆ สยามสแควร์ กลางวันเป็นดงเสื้อผ้าเครื่องสำอางค์ พอตกเย็นจะมีรถเข็นขายอาหารและขนมต่างๆ ออกมาเรียงเป็นแถว คึกคักจนถึง 4 ทุ่ม เดินหาของกินได้ทุกคืนสิเอ้า

 

หอยอบชีส

 

หางกุ้งมังกร-อบชีส

 

 

เนื้อย่าง

 

ขนมหนวดมังกร ทำจากน้ำตาล

 

ไดฟูกุไส้ถั่วแดง-สตรอเบอรี่ อร่อยมาก สตรอเบอรี่ลูกโต ทั้งสดทั้งหวาน

Korea Day 3

  • ช่วงเช้าไปเที่ยว Gyeongbokgung Palace พระราชวังคย็องบกกุงที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล สร้างขึ้นในปี 1394 ในสมัยพระเจ้าแทโจ ราชวงศ์โชซอน เดิมทีนั้นภายในพระราชวังมีอาคารและตำหนักต่างๆมากกว่า 200 หลัง แต่เมื่อมีการรุกรานของญี่ปุ่น อาคารส่วนใหญ่ก็ได้ถูกทำลายลงเหลืออยู่เพียงแค่ 10 หลังเท่านั้น
    การเดินทางวันนี้เราจะไม่ใช้รถบัสค่ะ เพราะแต่ละแห่งอยู่ใกล้ๆ โรงแรม นั่งรถไฟใต้ดินหรือเรียกแท็กซี่ครอบครัวละคันประหยัดกว่า (ถ้านั่งรถไฟใต้ดินหน้าโรงแรม ระยะทาง 3 สถานี ออกที่ Gyeongbokgung exit 5)
    ไปให้ทันชมไฮไลท์การเปลี่ยนเวรยามของทหารนะคะ ถ้าเป็นรอบ 10.00 และ 14.00 จะเป็นการเปลี่ยนทหารราชองค์รักษ์ชุดใหญ่บริเวณประตูหน้า มีขบวนธงริ้วและลั่นกลอง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที แต่ถ้าเป็นรอบ 11.00 และ 13.00 จะเป็นการเปลี่ยนเวรของทหารยาม ใช้เวลา 10 นาที

 

 

เช่าชุดเกาหลีเดินเล่นในวังก็ได้

 

 

  • มื้อกลางวันเอาใจอากงอาม่าด้วยการพาไปกินไก่ดำตุ๋นโสมกันค่ะ Tosokchon Samgyetang โทซกชน ซัมเยทัง ร้านดังที่สุดในเมือง เปิดมาตั้งแต่ปี 1983  ไก่ตุ๋นโสมหม้อละ 15,000 วอน (ประมาณ 520 บาท) ถ้าเป็นไก่ดำ 20,000 วอน (ประมาณ 690 บาท) หม้อนึงทานได้ 2 คน มีเครื่องเคียงเป็นเหล้าหนึ่งจอกและกิมจิ ข้างในไก่ยัดไส้ข้าวเหนียว เกาลัด รากโสม แปะก้วย เมล็ดธัญพืช น้ำซุปกลมกล่อมมากๆ ส่วนเด็กๆ สั่งไก่ย่าง ตัวนึง 14,000 วอน
    ควรเลี่ยงช่วงเวลา 11.00 – 13.00 น. เพราะคิวยาวมาก หลังบ่ายครึ่งไปแล้วจะว่างหน่อย ออกจากประตูหน้าของพระราชวังแล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปประมาณ 200 เมตรแล้วเข้าถนน Jahamun-ro ตรงไปเรื่อยๆ ร้านอยู่ Jahamun-ro ซอย 5 ซ้ายมือ

 

อ๊ะ..มือดีคว้าไก่ย่างไปครึ่งตัวแล้ว ยังไม่ทันได้ถ่ายรูปเลย

 

 

  • จากร้านอาหารกลางวัน เรียกแท็กซี่กันครอบครัวละคัน (จำกัดผู้โดยสารไม่เกิน 4 คนต่อคัน) ไปยัง Bukchon Hanok Village บุกชอน ฮานก เป็นย่านพักอาศัยที่ยังรักษารูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของบ้านแบบเกาหลีไว้ มีร้านค้า ร้านกาแฟแทรกตัวอยู่ตามทาง บ้านบางหลังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ ตีตั๋วเข้าไปชมห้องหับภายในบ้านโบราณอายุกว่าร้อยปีได้ บางหลังเป็นพิพิธภัณฑ์ประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่นเปิดให้เข้าชมฟรี ฉะนั้นระหว่างเดินไปในหมู่บ้านคอยสังเกตดีๆ นะคะ จะได้อะไรกลับไปมากกว่าการถ่ายรูปอย่างเดียว มีนักท่องเที่ยวมาเดินชมบ้านในย่านนี้จำนวนมากทุกวันจนชาวบ้านในชุมชนต้องขึ้นป้าย ขอความกรุณางดใช้เสียง คิดถึงว่าถ้าเป็นเราอยู่ในบ้านแล้วมีทัวร์มาเดินตะโกนโหวกเหวกตั้งแต่เช้าจนค่ำคงไม่ไหวเหมือนกันนะคะ
    หมู่บ้านตั้งอยู่บนเนินเขา อากงเดินทางชันขึ้นเขาไม่ไหวขอไปนั่งรอในร้านน้ำชา พวกเราที่เหลือแยกย้ายกันเดินสำรวจหมู่บ้านแล้วนัดเวลามารวมตัวกันอีกที  บางครอบครัวขอแยกตัวไปช้อปปิ้งต่อหลังจากนั้น ส่วนอากงอาม่าอยากกลับไปพักที่โรงแรมก่อน รอเจอกันอีกทีตอนอาหารเย็นเลย

  • เมียงดงยามค่ำ มีทั้งร้านอาหารกินจริงจัง เนื้อย่างเกาหลีออริจินัลไปจนถึงไก่ทอดเกาหลี (แหงนหน้ามองชั้น 2 ของอาคารนะคะ ร้านอาหารส่วนใหญ่อยู่ชั้นบน ชั้นล่างเป็นร้านขายเสื้อผ้า) รถเข็นขายของกินเล่นแต่อิ่มจริง แวะมันเกือบทุกร้านค่ะ น้ำลายหกตลอดทาง

 

แนะนำเลยไก่ทอดร้านนี้ จานใหญ่ขนาดกินได้ 3 คน

Korea Day 4

  • 9.30 น. วันนี้เราจะใช้บริการรถบัสเหมาคันกันอีกครั้งนะคะ คุณพี่คนขับมาจอดรอหน้าประตูโรงแรมก่อนเวลาเล็กน้อย ไม่ได้มาคนเดียวแต่มีไกด์สาวเกาหลีพูดภาษาอังกฤษติดมาด้วย 1 คน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม!! รถมุ่งหน้าลงทิศใต้ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงตลาดปลา นอยางจิน Noryangjin Fisheries Wholesale Market  ตลาดปลาที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในเกาหลี สร้างในปี 1971 มีกว่า 700 แผงค้าเปิดตลอด 24 ชม.และมีการประมูลปลากันในช่วงตี 4 – 6 โมงเช้า จะซื้ออาหารทะเลแล้วเดินไปให้เขาปรุงที่ร้านกินทันทีเลยก็ยังได้ แต่ราคาก็ค่อนข้างสูงอยู่ เราไม่ได้จะทานมื้อกลางวันกันที่นี่ เดินชมสัตว์ทะเลเกาหลีหน้าตาประหลาดๆ กันตื่นเต้นดี

 

 

 

ไม่คิดว่าจะกินได้…

 

แต่เขาก็กินกันได้จริงๆ นะ

 

 

  • 11.00 น. ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านวัฒนธรรม Korean Folk Village ในเมืองยองจิน ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง พอซื้อตั๋วเข้าไปแล้วไกด์ช่วยพาเราหาอาหารกลางวันทานก่อนเลย มีร้านอาหารให้เลือก 3-4 ร้าน หลังจากอธิบายเมนูแต่ละร้านแล้ว คุณไกด์เธอยังช่วยจดออร์เดอร์ สั่งอาหาร สำรองจ่ายเงินไปให้ก่อน เธอบอกว่าเดี๋ยวมาเรียกเก็บทีเดียวเพราะยังมีค่าตั๋ว ค่าที่จอดรถและค่าทางด่วนที่ต้องเรียกเก็บเพิ่มเติมหมู่บ้านวัฒนธรรมนี้จัดแสดงรูปแบบวิถีความเป็นอยู่ของชาวเกาหลี แบ่งเป็นโซนต่างๆ เช่นโซนหมู่บ้านกลางแจ้ง โซนนิทรรศการและงานฝีมือ (หน้ากาก, เครื่องปั้นดินเผา) คุณไกด์เร่งให้เราทำเวลาเพื่อให้ทันชมการแสดงพื้นเมือง รอบ 14.00 น. ทางเดินไปยังลานแสดงต้องผ่านหมู่บ้านกลางแจ้งก่อน ต้องมีแวะดูโน่นนี่นั่นถ่ายรูปกันอีกไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง
    ลานแสดงเป็นพื้นที่เล็กๆ มีขอบปูนและที่นั่งแบบขั้นบันไดล้อมลานเป็นวงกลม การแสดงดนตรีประกอบขบวนธงสะบัดหัว และการแสดงขี่ม้าผาดโผน ใช้เวลาประมาณ 45 นาที มองหารถเข็นขายตังเมข้าว (rice caramel) ที่อยู่ใกล้ๆ นะคะ เป็นขนมโบราณของเกาหลี ลักษณะเป็นน้ำตาลหนึบที่เกิดจากการเคี่ยวข้าวจนกลายเป็นน้ำตาล รสชาติหวานอ่อนๆ และหอมกลิ่นข้าว

 

 

 

ให้ทายว่ากระท่อมหลังบ้านแบบนี้เอาไว้ทำอะไร…. เฉลย- หมักกิมจิ

 

 

 

 

 

 

 

  • 16.30  เดินทางกลับมายังโรงแรม Sky Park เมียงดง ใครใคร่พักก็พัก ใครแรงดีไปลุยช้อปปิ้งที่ Seoul Station กันต่อค่ะ โรงแรมมีรถ shuttle bus ฟรี บริการรับส่งไปยังสถานีรถไฟโซล และดงแดมุน ทุกชั่วโมงตลอดวัน ดูตารางให้บริการรถที่นี่

**ทริปประหยัด 4 วัน 3 คืน จะตัดโปรแกรมวันนี้ออกก็ได้นะคะ แอบเสียดายนิดนึงแต่ถ้าต้องจำกัดงบก็ต้องตัดใจค่ะ**

Korea Day 5

ช่วงเช้าอิสระตามอัธยาศัย ทำเวลาเก็บตกช้อปปิ้งหรือจะไปคล้องกุญแจหัวใจที่ Seoul Tower ก็ตามสบาย
13.00 น. รถบัสคันเดิมมารับหน้าโรงแรม เดินทาง 1 ชั่วโมงถึงสนามบิน ไฟล์ท Air Asia และ Korean Air ออก 16.25 น. และ 17.25 น. ถึงกรุงเทพ 2 ทุ่มเศษ

 

ค่าใช้จ่ายและรายละเอียดเพิ่มเติม

Grace Travel
รถบัส 18 ที่นั่งเหมาคัน
– สนามบินอินชอน – Alpensia Ski Resort  485,000 วอน (ประมาณ 16,730 บาท)
– Alpensia Ski Resort – โรงแรม Sky Park Myeong-dong 485,000 วอน (ประมาณ 16,730 บาท)
– ทัวร์ 1 วัน (ไม่เกิน8 ชั่วโมง) เที่ยวตลาดปลาและหมู่บ้านวัฒนธรรม 570,000 วอน (ประมาณ 19,665 บาท)
– โรงแรม – สนามบินอินชอน 230,000 วอน (ประมาณ 7,935 บาท)

Holiday Inn Resort
ห้อง Ondol สำหรับ 3-4 คน ไม่รวมอาหารเช้า (ประมาณ 5,580 บาท)
ห้อง Twin bed สำหรับ 2 คน วิวหมู่บ้าน ไม่รวมอาหารเช้า (ประมาณ 4,280 บาท)
ห้อง Twin bed สำหรับ 2 คน วิวslope ไม่รวมอาหารเช้า (ประมาณ 5,100 บาท)

Sky Park Myeong-dong III
ห้อง Twin bed สำหรับ 2 คน ไม่รวมอาหารเช้า (ประมาณ 3,400 บาท)
ห้อง Triple สำหรับ 3 คน ไม่รวมอาหารเช้า (ประมาณ 4,400 บาท)

Korea Folk Village
พิกัด 37.258142, 127.116464
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 18,000 วอน เด็ก 13,000 วอน

ทริปนี้รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ค่ารถบัส ค่าโรงแรม ค่าเข้าชมพระราชวังและหมู่บ้านวัฒนธรรม หารจำนวนคนแล้ว ตกคนละ 24,000++ บาท โดยยังไม่รวมค่าอาหารทุกมื้อ และค่าเช่าอุปกรณ์สกีต่างๆ เทียบแล้วราคาใกล้เคียงกับทัวร์บางโปรแกรมค่ะ แต่จะยืดหยุ่นตามใจตัวเองสูงมาก ไม่ต้องเสียเวลาภาคบังคับที่ร้านขายโสมหรือบัวหิมะ และยังเลือกทานอาหารได้เต็มที่อย่างที่อยากทาน

อากงอาม่าแฮปปี้มากเลยนะคะได้ใช้เวลากับลูกๆ หลานๆ เป็นอีกหนึ่งความทรงจำดีๆ ของครอบครัว

Leave a Reply