Dolphin Encounter

ผม (ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์) เป็นคนทำงานเรื่องทะเล สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นผลพลอยได้คือโอกาสในการพาลูกไปดูโน่นนี่ แต่ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวแบบไหน เด็กน้อยทั้งคู่ยกนิ้วให้ว่าการไปดูโลมานั้นแจ่มจริง ไม่ว่าจะเป็นเมืองไทยหรือเมืองนอก ลูกชายข้าพเจ้าชอบทั้งนั้น

โลมาเป็นสัตว์เลือดอุ่น เลี้ยงลูกด้วยนม หายใจด้วยปอด อาศัยอยู่ในน้ำ นักบรรพชีวินวิทยาพบว่าโลมาวิวัฒนาการมาจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบนบก (Mesonyx รูปร่างคล้ายหมาผสมหนู) เดิมทีเคยอยู่บนบก แต่เปลี่ยนใจกลับไปอยู่ในทะเลเมื่อ 45 ล้านปีก่อน สัตว์กลุ่มนี้ยังคงลักษณะโครงร่างบางส่วนไว้ เช่น ขาคู่หน้าวิวัฒนาการกลายเป็นครีบหน้า

หนึ่งในโลมาสุดเลิฟของลูกผมอยู่ที่อำเภอขนอม นครศรีธรรมราช เรียกว่าโลมาสีชมพู ตอนเป็นเด็กโลมาน้อยตัวสีเทาเข้มเหมือนโลมาทั่วไป แต่ยิ่งเติบใหญ่เท่าไหร่ สีผิวยิ่งเปลี่ยนไป เริ่มมีรอยกระขึ้นมาแซม จนเมื่อเข้าสู่ช่วงตัวเต็มวัย อายุ 8-10 ปี รอยกระขยายขนาดจนกลายเป็นสีชมพูล้วน สีดังกล่าวเกิดจากเส้นเลือดที่ขยายขนาดตามผิวหนัง ไม่ได้เกิดจากเม็ดสีเหมือนผิวเราท่าน ทั้งโลกนี้มีโลมาสีชมพูเพียง 2 ชนิด นอกจากโลมาสีชมพูในบ้านเราแล้ว อีกชนิดหนึ่งหาดูได้ยากยิ่ง เป็นโลมาน้ำจืดอาศัยอยู่ในแม่น้ำอะแมซอน

งานวิจัยเกี่ยวกับโลมาสีชมพูที่ขนอมบอกว่าแถวนี้มีโลมามากกว่า 40 ตัว ในจำนวนนั้นมีโลมาสีชมพูอยู่เกือบ 20 ตัว ที่เหลือยังเป็นเด็กและวัยรุ่น สียังไม่แจ่มจรัสเหมือนพ่อแม่ การลงเรือดูโลมาแสนง่าย พอเราไปถึงอำเภอขนอม ลองสอบถามชาวบ้านแถวนั้น เขาจะชี้ทางบอกให้ไปติดต่อกลุ่มประมงพื้นบ้านที่ช่วยอนุรักษ์โลมา พี่เขาจะพาเราไปตามดูโลมาที่ใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมง ใครที่กลัวคลื่นไม่ต้องกังวล โลมาอยู่ห่างฝั่งไม่เกิน 1-3 กิโลเมตร บางครั้งว่ายอยู่ห่างจากชายหาดเพียง 20-30 เมตร ชายฝั่งยังเป็นอ่าวคลื่นลมสงบ บนเรือมีชูชีพให้บริการเพื่อความปลอดภัย

แต่ถ้าอยากอุ่นใจ ลองดูฟ้าฝนสักนิด พอเข้าช่วงหน้าหนาว อาจมีคลื่นลมอยู่บ้าง ต้องรอให้เลยปีใหม่ไปจะเป็นเวลาฟ้าใสปิ๊งของทะเลแถบนั้น
การชมโลมาเป็นที่นิยมทั่วโลก ผมเคยพาลูกไปเที่ยวดูหลายแห่ง ที่ติดใจสุดคือเมือง Kaikoura เกาะเหนือ นิวซีแลนด์ เป็นจุดเดียวกับที่ลงเรือชมวาฬสเปิร์ม จากชายฝั่งเพียงไม่กี่ร้อยเมตรมีฝูงโลมาหากินเป็นประจำ พวกนั้นเป็นโลมาสปินนิ่งหรือที่ลูกผมเรียกว่าโลมาหมุนติ้ว เนื่องจากเธอนิยมกระโดดโชว์เราตลอดเวลา โลมามีนับร้อย ยามที่ทุกตัวกระโดดลอยขึ้นมาหมุนรอบเรือ เป็นภาพที่น่าระทึกจนจำฝังใจ แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายย่อมสูง ใช้เวลาเดินทางมาก และโลมาสีไม่สวยเหมือนเจ้าชมพูแห่งทะเลขนอมบ้านเรา

ในอนาคตอันใกล้ หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวกำลังวางแผนพัฒนาการเที่ยวชมโลมาและวาฬของเมืองไทยให้ก้าวไกลไปกว่าเดิม เนื่องจากพบว่าตลาดท่องเที่ยวในส่วนนี้ทั่วโลกมีมูลค่าเกือบแสนล้านบาท เชื่อว่าอีกไม่น่าคนไทยจะมีโอกาสเข้าไปใกล้ชิดกับเพื่อนในทะเลอย่างถูกต้อง ไม่ทำร้ายหรือรบกวนพวกเธอ ผมฝันถึงวันนั้นมาก เพราะนั่นคือการเปิดโอกาสให้เด็กน้อยเด็กใหญ่ได้เห็นความอัศจรรย์ของท้องทะเล อันจะทำให้เราหลงรักและอยากปกปักโลกสีครามให้อยู่คู่กับพวกเราตลอดไปครับ